จี้ Andaman Girl (2005)

ชื่ออังกฤษ Andaman Girl
ประเภท Comedy
วันที่เข้าฉาย 3 กุมภาพันธ์ 2548

เรื่องราวของ พี (อัมรินทร์ นิติพน) อดีตผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ถึงคราวดวงตกแบบสุดๆ ต้องจับพลัดจับผลูมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์โป๊ โดยได้ จี้ (ศุภักษร ไชยมงคล) หญิงสาวสุดเซ็กซี่ มาเป็นนางเอก ส่วนพระเอก คือ ม้าจอมพลัง (นิรุติ สาวสุดชาติ) ผู้ชอบฟันนางเอกเป็นชีวิตจิตใจ

เมื่อทุกอย่างพร้อมเปิดกล้อง กองถ่ายหนังโป๊ของพีก็เริ่มถ่ายทำ ทีมงานทุกคนตั้งความหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าจะได้กลับมาในวงการอีกครั้ง แต่พีเกิดตกหลุมรักจี้เข้าอย่างจัง ซึ่งพีรู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้จบลงได้ นอกจากนี้ จี้ยังมีโรคประจำตัวคล้ายฮีสทีเรีย มักจะมีอาการกำเริบเป็นระยะๆ อีกด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่พีและทีมงานทุกคนไม่รู้ คือ จี้ นางเอกแสนเซ็กซี่ของพวกเขาเป็นลูกสาวเจ้าพ่อโหด ซึ่งหลบหนีการแต่งงานมา เจ้าพ่อประกาศกร้าวว่า “ใครทำเยื่อพรหมจรรย์ของลูกสาวขาด ผู้นั้นจะต้องตาย!!” ชะตากรรมของกองถ่ายดวงกุดจะเป็นยังไง เตรียมลุ้นกับภาพยนตร์รัก สนุก เสี่ยงตาย ได้ใน จี้

คัมภีร์หยุดกระสุน | BULLETPROOF MONK MASTER

เรื่องย่อ

เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ พระสงฆ์ลึกลับรูปหนึ่ง(โจวเหวินฟะ) ได้อุทิศตนปกป้อง หลักจารึกโบราณที่เรียกว่า “หลักจารึกแห่งความสูงส่ง” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ ที่นำไปสู่พลังอำนาจที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ถึงเวลาแล้ว ที่ท่านจะต้องค้นหา ผู้สืบทอดการเป็นผู้คุ้มครองหลักจารึกคนต่อไป
และดูเหมือน คาร์ (ฌอน สก้อต วิลเลี่ยม)จะเป็นตัวเลือกเดียว คาร์เป็นเด็กหนุ่มที่เหมือนกับเด็กหนุ่มในวัยเดียวกัน ที่คิดถึงแต่ตัวเอง แต่ภายหลังจากที่เขาได้ช่วยพระสงฆ์คงกระพันผู้นี้ จากการถูกจับ ทั้งสองก็ได้ร่วมกันปกป้องโลก จากการคุกคามของผู้ที่คอยตามล่าหลักจารึก และด้วยความช่วยเหลือ จากหญิงสาวนามว่า แบดเกิร์ล (เจมี่ คิง) ทั้งหมดก็ได้ร่วมกันค้นหา

คัมภีร์หยุดกระสุน – [1/5]
คัมภีร์หยุดกระสุน – [2/5]
คัมภีร์หยุดกระสุน – [3/5]
คัมภีร์หยุดกระสุน – [4/5]
คัมภีร์หยุดกระสุน – [5/5]

เกิดมาลุย Born to Fight

เกิดมาลุย ฉบับ พ.ศ.2547 คือหนึ่งในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ประจำปี ที่ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ บาแรมยู ภาคภูมิใจทุ่มทุนสร้างสูงสุด เพื่อสานฝันของ พันนา ฤทธิไกร และได้รับการคาดหวัง ให้เป็นภาพยนตร์หวังสร้างปรากฎการณ์ใหม่ของหนังไทย ภายใต้รูปแบบของภาพยนตร์แอ็คชั่นเสี่ยงตาย ให้เป็นผลงานการกำกับการแสดงในรอบทศวรรษ ตอกย้ำเอกลักษณ์แอ็คชั่นสไตล์พันนา โดยเรื่องราวพูดถึงการเผชิญหน้า กับเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในชีวิต ที่อยู่นอกเหนือจากความควบคุม อันนำมาซึ่งความเป็นความตายของผู้คนจำนวนมาก เมื่อตกอยู่ภายใต้การจับกลุ่มของผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ที่ตั้งใจสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศไทย พร้อมกับชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมชายแดน ที่พวกเขาและเธอตั้งใจนำข้าวของมาบริจาค และช่วยพัฒนาหมู่บ้าน วิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตของพวกพ้องและชาวบ้าน คือต้องนำเอาความสามารถเฉพาะตัวทางด้านกีฬาในแต่ละประเภท มาผสมผสานในการต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยมีเงื่อนไขของเวลา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นให้ได้

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังการนำเอามรดกของชาติ อย่างแม่ไม้มวยไทย มาผสมผสานกับความชำนาญเฉพาะตัว ในการคิดค้นออกแบบ และกำกับคิวบู๊ฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ ที่ได้ชื่อว่าหนักหน่วงรุนแรง เสี่ยงตาย และถึงใจพระเดชพระคุณมากที่สุด รวมทั้งเป็นผู้ปลุกปั้น และดึงเอาศักยภาพที่มีอยู่อย่างล้นเหลือในตัว จา – พนม ยีรัมย์ เด็กหนุ่มจากจังหวัดสุรินทร์ที่คลั่งไคล้เฉินหลง ชื่นชอบในศิลปะการต่อสู้ทุกชนิด มาชี้แนะและถ่ายทอดแนวทาง ในการพัฒนาขีดความสามารถ ให้ไปสู่อีกขั้นหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากนักแสดงแอ็คชั่นเสี่ยงตาย หรือสตันท์แมนทั่วไปอย่างที่เราคุ้นตา จนทุกคนที่ได้สัมผัสภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก ล้วนเกิดความรู้สึก อึ้ง ทึ่ง และชื่นชมยกย่อง ในความสามารถทางด้านการออกแบบ คิดค้น และกำกับคิวบู๊แอ็คชั่นในสไตล์ พันนา ฤทธิไกร หลังจากเข้าไปรับผิดชอบในส่วนงานกำกับและออกแบบคิวบู๊ รวมทั้งรับหน้าที่ผู้กำกับการแสดงร่วมกับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ หม่ำ จ๊กมก ในภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก และ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ตามลำดับ

วันนี้ กฤติยา ลาดพันนา หรือที่คนทั่วไปรู้จักในนามของ พันนา ฤทธิไกร พร้อมแล้วที่จะกลับมารับหน้าที่ผู้กำกับการแสดงอย่างเต็มตัว เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี โดยมี ปรัชญา ปิ่นแก้ว รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ โดยหยิบเอาธีมหรือคอนเซ็ปท์ การสร้างฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตายที่หวือหวา ท้าทาย จริงจัง และดูอันตรายที่สุด เหมือนกับที่ พันนา ฤทธิไกร เคยทำมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง เกิดมาลุย งานมาสเตอร์พีซของตนเองในอดีตเมื่อปี พ.ศ. 2521 ที่ใช้ทุนสร้างเพียง 5 แสนบาท

เพียงทว่าการกลับมาของ เกิดมาลุย ฉบับ 2547 นี้ แตกต่างกว่าด้วยความพร้อมของงานโปรดักชั่น ระดับเทียบเท่าองค์บาก ทั้งในส่วนของทีมงาน อุปกรณ์ในการสร้างภาพ ที่มาพร้อมกับทุนสร้างที่มากกว่า 50 ล้านบาท ทำให้คนดูจะได้พบกับแอ็คชั่นซีนในระดับ non stop ตั้งแต่ฉากแรกของภาพยนตร์ ซึ่งเปิดตัว เดี่ยว – ชูพงษ์ ช่างปรุง พระเอกแอ็คชั่นคนใหม่รุ่นน้องของ จา – พนม ยีรัมย์ ที่มาพร้อมกับคิวแอ็คชั่นการต่อสู้เสี่ยงตายบนรถคอนเทรนเนอร์ 18 ล้อ 2 คัน ภาพของหมู่บ้านกว่า 50 หลังคาเรือน ถูกรถคอนเทรนเนอร์กวาดพังพินาศยับเยิน การเนรมิตหมู่บ้านนับ 100 หลังคาเรือน กลางหุบเขาที่สระบุรี เพื่อการถ่ายทำตลอด 3 เดือน ไปจนถึงการต่อสู้เสี่ยงตายในหลากหลายรูปแบบ จากการดีไซน์ของพันนา โดยนำเอาพื้นฐานความสามารถเฉพาะตัวของเหล่านักแสดง ซึ่งเป็นครั้งแรกของการขึ้นจออย่างเต็มรูปแบบ ของบรรดานักกีฬาระดับทีมชาติในแต่ละประเภทของไทย มาผสมผสานคิวบู๊แอ็คชั่นเสี่ยงตาย เพื่อใช้ในฉากต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์คิวบู๊พื้นฐานยิมนาสติคกับฉากระเบิด หรือการโชว์จักรยานวิบาก ในฉากแอ็คชั่นซีนไล่ล่าของเหล่ามอเตอร์ไซต์วิบาก ฯลฯ โดยได้นักกีฬาทีมชาติ อาทิ อมรเทพ แววแสง กับความสามารถระดับนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติ, ชาคริต รุ่งสุวรรณ นักกีฬาทีมชาติจักรยานยนต์วิบาก และจักรยานเสือภูเขา, นันทวัธ วงค์วาณิชย์ศิลป์ นักกีฬารักบี้ทีมชาติ, รัตนาพร เข็มทอง นักกีฬายิมนาสติกหญิงทีมชาติ, เกษริน เอกธวัชกุล นักกีฬาเทควันโดทีมชาติ, สมรักษ์ คำสิงห์ แชมป์เหรียญทองโอลิมปิคทีมชาติไทย, สินี นามวงศ์พรหม นักกีฬาเทควันโด้หญิง, ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน นักเตะยอดเยี่ยมนักฟุตบอลทีมชาติ ไปจนถึงอีกหลากหลายบุคคลในวงการกีฬาของไทย มาร่วมสร้างสีสันบนแผ่นฟิล์มอีกมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี สำหรับการกลับมารับบทบาทสำคัญของ นพพล โกมารชุน นับตั้งแต่ มือปืน 2: สาละวิน พร้อมกับการฉีกบทบาททางด้านการแสดงอย่างสิ้นเชิงของ สันติสุข พรหมศิริ กับบทบาทผู้ร้ายอย่างเต็มตัว ร่วมด้วย จอห์น อิสรัมย์ แชมป์มอเตอร์ไซต์ผาดโผนของโลก, รัตนพล ส.วรพิน นักมวยไทยชื่อดัง ฯลฯ

องค์บาก

ชื่ออื่น : Ong Bak: Muay Thai Warrior
ประเภท : Action
เข้าฉาย : 31 มกราคม พ.ศ. 2546
ผู้กำกับ : ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร (กำกับคิวบู๊)
แสดงนำ : พนม ยีรัมย์, เพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา (หม่ำ จ๊กมก), ภุมวารี ยอดกมล
ลิขสิทธิ์ : สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

เรื่องย่อ

“องค์บาก” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของหมู่บ้านหนองประดู่ ได้ถูกขโมยตัดเศียรไป บุญทิ้ง หนุ่มบ้านหนองประดู่ จึงอาสาออกตามหามาจนถึงกรุงเทพฯ จนได้เจออ้ายหำแหล่หรือ ยอร์จ ลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่ทิ้งทองนามาเป็น 18 มงกุฎ ต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเลี้ยงปากท้อง บุญทิ้งจึงไม่วายถูกหลอก ด้วยความที่เป็นคนดีและเคยช่วยเหลือชีวิตทั้งสองไว้ จึงได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองในการตามหาองค์บาก พร้อมถูกดึงเข้าสู่การต่อสู้กับเจ้าพ่ออิทธิพลมืดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด บุญทิ้งจึงขอต่อสู้ถวายชีวิตด้วยศิลปะมวยไทยโบราณตลอดจนการเดินทางตามหาองค์บากเพื่อนำกลับคืนสู่หมู่บ้านให้ทันพิธีอุปสมบทหมู่ซึ่งจะจัดขึ้นในอีก 7 วัน